ประชาธิปไตย ในหลวง ร.5

เพราะจุดเริ่มต้นประชาธิปไตย ในหลวง ร.5   เป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในองค์ความรู้ที่หลายคนพยายามค้นหาอย่างจริงจังและเข้มข้น หลายคนจึงมักสงสัยว่าประชาธิปไตย ในหลวง ร.5  มีจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นได้อย่างไร  ในหลวง ร.5  ทรงเริ่มคิดค้นโดยผ่านกระบวนการทางด้านยุทธศาสตร์ความคิดเป็นอย่างไร หรือเอาต้นแบบมาจากไหน เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้  มักเป็นเรื่องราวที่หลายคนอยากรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว  โดยวันนี้เราก็มีเรื่องราวน่าสนุกและได้ความรู้เกี่ยวกับ ประชาธิปไตย ในหลวง ร.5 ฉบับเข้าใจง่ายๆ มาฝากทุกคนกันค่ะ

จุดเริ่มต้นประชาธิปไตยในหลวง ร.5 เกิดขึ้นอย่างไร ?

มีฉนวนเหตุมาจากการที่ในหลวง ร.5  ถูกท้าทายอำนาจให้เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง ในปี 2427  โดยพระราชวงศ์และขุนนางรวม 11 คน กราบบังคมทูล  เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบราชการแผ่นดินเป็นระบบ “คอนสติตูชาแนลโมนากี” หรือการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ  ทั้งนี้เพื่อลดทอนอำนาจของพระองค์ สู่การแบ่งปันอำนาจให้เสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่เป็นผู้มีอำนาจ  ซึ่งจะเป็นตัวแทนของประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ  จึงเป็นที่มาของพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดิน หลังจากการถวายฏีกา 3  ปี ของคณะผู้ถวายความเห็นฯ  ซึ่งคล้ายกับการประชุมร่วมกันในปัจจุบัน โดยพระองค์ท่านทรงมีแนวคิดว่าการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองจะต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลกระทบกับบ้านเมืองน้อยที่สุดและอยากให้ระบบบ้านเมืองมีความมั่นคงในการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เพราะในขณะนั้นการสรรหาบุคคลที่มีประสิทธิภาพมาทำงานในสภานิติบัญญัติ คงเป็นเรื่องที่ยากมาก  

การเลิกทาสเกี่ยวข้องอย่างไรกับประชาธิปไตยในหลวง ร.5 ?

พระองค์ทรงประกาศเลิกทาส เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2417  ซึ่งจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่คณะผู้ถวายความเห็นฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกคอง ในปี 2427 นั่นเป็นพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีสายตากว้างไกล และมองศักดิ์ศรีมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน  ซึ่งหลายคนคงไม่เคยทราบว่าพระองค์ทรงปลอมตัวไปเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไปนั้งกินข้าวกับชาวบ้าน ค่ำไหนนอนนั้น  มีมิตรสหายเป็นชาวบ้านธรรมดา โดยใช้หลักเมตตาธรรม จึงรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชนของพระองค์ รวมทั้งการเสด็จประพาสต่างประเทศ  เพื่อนำความเจริญมาสู่สยาม และลดทอนการไล่ล่าอาณานิคมของพวกผิวขาวที่อ้างตนว่าจะสร้างความศิวิไลซ์มาสู่ประเทศป่าเถื่อน  

โดยทั้งหมดพระองค์ทรงวางแผนอย่างมีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกลไม่ต่างกับ CEO ชั้นนำของโลกที่มุ่งนำพาองค์กรไปสู่จุดสูงสุดที่นานาประเทศยอมรับประเทศจึงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งระบบราชการการศึกษาสาธารณสุข  ระบบขนส่งการสร้างทางรถไฟหลวง  และระบบประชาธิปไตยนั่นเอง

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*